Oral Care Information
- การดูแลแปรงสีฟัน และการเปลี่ยนแปรงสีฟัน
- ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสุขอนามัยของปากและฟัน
- วิธีการแปรงฟันอย่างถูกวิธีเป็นอย่างไร
- ควรใช้ไหมขัดฟันอย่างไร
- การป้องกันฟันผุในเด็กทารก
- น้ำอัดลม ตัวการสำคัญของปัญหาสุขภาพช่องปาก
- การดูแลแปรงสีฟัน และการเปลี่ยนแปรงสีฟัน
-
จะมีวิธีดูแลแปรงสีฟันที่ถูกวิธีอย่างไร
เพื่อรักษาคุณภาพของแปรงสีฟัน รวมทั้งรักษาคุณภาพของสุขภาพของคุณ คุณควรที่จะทำแปรงสีฟันให้แห้งเสมอ แปรงสีฟันสามารถเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค เชื้อรา และเชื้อแบคทีเรียได้ ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้หากปล่อยให้ก่อตัวขึ้นและเวลาผ่านไป อาจพัฒนาไปเป็นเชื้อที่ร้ายแรงขึ้นได้ หลังจากการใช้แปรงสีฟันทุกครั้ง คุณควรที่สะบัดแปรงแรงๆ ให้น้ำก๊อกไหลผ่าน และเก็บแปรงสีฟันให้อยู่ในลักษณะแนวตั้ง วางแปรงเอาหัวตั้งตรงเพื่อให้แปรงแห้งได้ง่าย
เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัส หรือเชื้อหวัดไม่ให้ติดต่อทางแปรงสีฟัน คุณควรเก็บแปรงสีฟัน ไม่ให้แปรงสีฟันของคุณไปสัมผัสกับแปรงสีฟันของคนอื่น การใช้ที่เสียบแปรงสีฟันที่มีหลายช่องถือเป็นอุปกรณ์ที่สมควรมีไว้ในครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง
ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันบ่อยแค่ไหน
ทันตแพทย;ส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่าควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุกๆ 3 เดือน จากการศึกษาพบว่าแปรงสีฟันที่มีการใช้งานมานานกว่า 3 เดือน จะมีประสิทธิภาพในการกำจัดคราบพลัคที่อยู่บนเหงือกและฟันได้ต่ำกว่าแปรงสีฟันอันใหม่ เพราะขนแปรงจะเริ่มหมดสภาพและมีคุณภาพต่ำในการซอกซอนเข้าไปตามซอกต่างๆของฟัน
หลังจากที่คุณป่วย มีการติดเชื้อในช่องปาก หรือเจ็บคอ คุณควรที่จะเปลี่ยนแปรงสีฟัน เนื่องจากเชื้อโรคอาจยังหลงเหลือแอบซ่อนอยู่ตามขนแปรง และอาจนำไปสู่การติดเชื้อใหม่อีกครั้ง ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ป่วย แต่เชื้อราและเชื้อแบคทีเรียสามารถที่จะฟักตัวอยู่ในขนแปรงสีฟันได้ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของโรคติดต่อ ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนแปรงอยู่เป็นประจำ
ในขณะเดินทางจะมีวิธีการดูแลรักษาแปรงสีฟันอย่างไร
กล่องใส่แปรงสีฟันที่ทำจากพลาสติกจะช่วยปกป้องขนแปรงของคุณไม่ให้บานและแบนจากการถูกกดทับในกระเป๋าเดินทาง แต่อย่างไรก็ตามหลังจากการใช้แปรงสีฟันทุกครั้งคุณควรปล่อยให้แปรงสีฟันแห้งใน
- ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสุขอนามัยของปากและฟัน
-
ที่จะแปรงฟันเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีของคุณ
การรู้ว่าพื้นฐานของสุขอนามัยในช่องปากที่ดีเป็นอย่างไร อาจช่วยสร้างความแตกต่างอย่างมากมายให้กับรอยยิ้มที่แข็งแรงของคุณในอนาคต เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการแปรงและขัดฟันตอนนี้และหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ เช่น ฟันผุ คราบแบคทีเรีย และคราบหินปูนในอนาคต
สุขภาพปากและฟันที่ดีหมายถึง
ฟันที่ดูสะอาดไม่มีเศษอาหารติดอยู่
เหงือกสีชมพู ไม่เจ็บ หรือมีเลือดออกเวลาแปรงฟันหรือขัดฟันไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นปาก
ถ้าเหงือกมีอาการเจ็บหรือเลือดออกเวลาแปรงฟันหรือขัดฟัน หรือมีปัญหาเรื่องกลิ่นปากตลอดเวลา ควรพบทันตแพทย์ เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหา
ทันตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคเพื่อสุขภาพปากและฟันที่ดี ตลอดจนแนะนำบริเวณที่ต้องดูแลเป็นพิเศษระหว่างการแปรงฟันหรือขัดฟัน
ทำอย่างไรให้มีสุขภาพปากและฟันที่ดี
การรักษาสุขภาพปากและฟันที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณจะทำเพื่อเหงือกและฟันของคุณ ฟันที่แข็งแรงไม่เพียงแต่จะช่วยให้ดูดีและรู้สึกดีเท่านั้น แต่มันยังช่วยให้คุณรับประทานได้สะดวก และพูดได้อย่างชัดถ้อยชัดคำอีกด้วย สุขภาพปากและฟันที่ดีจึงมีความสำคัญต่อการความเป็นอยู่ที่ดี
การดูแลประจำวัน ซึ่งก็คือการแปรงฟันอย่างถูกวิธี จะช่วยป้องกันเกี่ยวกับช่องปาก ทำให้เจ็บตัวน้อยกว่า ประหยัดกว่า และวิตกกังวลน้อยกว่าการที่ต้องรับการรักษาเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาแล้ว
นี่คือขั้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อฟันผุ โรคเหงือก และปัญหาเกี่ยวกับฟันอื่นๆ ที่คุณควรจะปฏิบัติในระยะระหว่างการนัดพบทันตแพทย์
การแปรงฟันอย่างทั่วถึงวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟันวันละครั้ง
การรับประทานอาหารที่ถูกสัดส่วน และจำกัดอาหารว่างระหว่างมื้อ
การใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์
การบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ ในกรณีที่ทันตแพทย์แนะนำ
การให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีดื่มน้ำที่ผสมฟลูออไรด์ หรือให้อาหารเสริมฟลูออไรด์
- วิธีการแปรงฟันอย่างถูกวิธีเป็นอย่างไร
-
การแปรงฟันที่ถูกต้องควรใช้เวลาอย่างน้อย 2 นาที หรือ 120 วินาทีนั่นเอง คนส่วนใหญ่มักจะไม่ได้ใช้เวลากับการแปรงฟันนานขนาดนั้น เพื่อที่จะควบคุมเวลา ควรจะใช้นาฬิกาจับเวลามาช่วย และเพื่อการแปรงฟันที่ถูกต้อง ควรสะบัดข้อมืออย่างสั้นๆ เป็นจังหวะ และอ่อนโยน โดยให้ความเอาใจใส่กับแนวเหงือก ฟันซี่ในที่แปรงยาก และบริเวณรอบๆ ฟันที่อุดหรือครอบ การทำความสะอาดแต่ละส่วนควรเป็นดังต่อไปนี้:
ทำความสะอาดด้านนอกของฟันบนจากนั้นต่อด้วยฟันล่าง
ทำความสะอาดด้านในของ ฟันบนจากนั้นต่อด้วยฟันล่าง
ทำความสะอาดบริเวณที่ใช้บดเขี้ยวอาหาร
เพื่อให้มีลมหายใจที่สดชื่น อย่าลืมทำความสะอาดลิ้นด้วย
- ควรใช้ไหมขัดฟันอย่างไร
-
วิธีการใช้ไหมขัดที่ถูกต้องเป็นอย่างไร
การใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกต้องสามารถช่วยกำจัดคราบแบคทีเรียและเศษอาหารที่อยู่บริเวณที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึงได้ – เช่นตามซอกฟันและร่องเหงือก เนื่องจากการสะสมตัวของคราบแบคทีเรียสามารถทำให้เกิดฟันผุ การใช้ไหมขัดฟันทุกวันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น
เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการใช้ไหมขัดฟัน ควรใช้เทคนิคดังต่อไปนี้:
เริ่มต้นด้วยการดึงไหมขัดฟันให้ยาวประมาณ 18 นิ้ว และพันไหมไว้กับนิ้วกลางโดยเหลือไหมประมาณ 1-2 นิ้วไว้สำหรับขัดฟันจับไหมให้แน่นระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ และเลื่อนไหมขึ้นลงเบา ๆ ระหว่างซอกฟัน
ขัดเบาๆ ที่ฐานฟัน โดยระวังอย่าให้กระทบกับเหงือก เพราะอาจจะทำให้ไหมบาดถูกเนื้อเยื่อเหงือกที่บอบบางได้
ปล่อยเส้นไหมที่สะอาดออกมาเพื่อทำความสะอาด;ันซี่ต่อไป
ในการเอาไหมออกจากฟัน เข้าใช้วิธีเลื่อนไหมไปข้างหน้าและหลังจนไหมออกจากฟัน
ไหมขัดฟันชนิดใดที่เราควรเลือกใช้
ไหมขัดฟันมี 2 ชนิด:
ไนลอน (หรือมัลติฟิลาเมนท์)PTFE (โมโนฟิลาเมนท์)
ไหมขัดฟันชนิดไนลอนมีทั้งที่เป็นแบบเคลือบและไม่เคลือบ และมีหลายรสชาติ เนื่องจากไหมชนิดนี้จะประกอบด้วยเส้นใยไนลอนบาง ๆ หลายเส้น จึงอาจเกิดการฉีกขาด โดยเฉพาะบริเวณที่ค่อนข้างแน่น ในขณะที่ไหมขัดฟันชนิด PTFE ที่มีราคาแพงกว่า จะสามารถเลื่อนเข้าสู่ซอกฟันได้ง่ายกว่า รวมทั้งมีความเหนียวกว่า ถ้าใช้อย่างเหมาะสม ทั้งสองชนิดจะช่วยกำจัดคราบแบคทีเรียและเศษอาหารได้อย่างดี
- การป้องกันฟันผุในเด็กทารก
-
(หรือเรียกว่า ฟันผุจากขวดนม)
ฟันผุในเด็กทารกเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ คุณสามารถปกป้องลูกของคุณจากความเจ็บปวดได้ด้วยการปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ ต่อไปนี้ และสอบถามแพทย์หรือทันตแพทย์รับข้อมูลเพิ่มเติม ถ้าทำได้ ควรหลีกเลี่ยงการวางขวดนมไว้กับเด็ก แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ควรจะใส่น้ำเปล่าแทนนมหรือน้ำผลไม้ ที่อาจทำให้เกิดฟันผุ
คุณสามารถป้อนอาหารด้วยขวดนมได้ แต่การให้เด็กดูดขวดนมนานๆ จะทำให้เกิดฟันผุได้ อุ้มเด็กในขณะที่ป้อนนม ถ้าเด็กหลับให้เอาขวดนมออกจากปากและพาไปนอน หลีกเลี่ยงการให้เด็กนอนโดยมีขวดนมอยู่ในมือ หลีกเลี่ยงการให้เด็กเดินเล่นโดยมีขวดนมอยู่ในมือด้วย
คุณสามารถป้อนอาหารด้วยขวดนมได้ แต่การให้เด็กดูดขวดนมนานๆ จะทำให้เกิดฟันผุได้
- น้ำอัดลม ตัวการสำคัญของปัญหาสุขภาพช่องปาก
-
น้ำอัดลม โซดา ป๊อบ หรือจะเรียกว่าอะไรก็ตาม ผู้คนในแถบอเมริกาเหนือ ใช้คำที่แตกต่างไปในการเรียก น้ำอัดแก๊ซผสมน้ำตาล ไม่ว่าคนจะเรียกมันว่าอย่างไร มันก็คือสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาทางช่องปากที่ร้ายแรงมาก
น้ำอัดลมได้ปรากฏออกมาในฐานะของอาหารที่เป็นแหล่งสำคัญในการทำให้เกิดอาการฟันผุ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในคนทุกวัย กรดและกรดที่เกิดจากน้ำตาลในน้ำอัดลม จะไปทำให้สารเคลือบฟันอ่อนบางลง ซึ่งส่งผลให้เกิดการก่อตัวของฟันผุ ในกรณีร้ายแรง สารเคลือบฟันที่อ่อนบางลงประกอบกับการแปรงฟันที่ไม่ถูกวิธี จะทำให้เกิดการผุกร่อนของฟัน หรือเกิดอาการอื่นที่สามารถนำไปสู่การสูญเสียฟันได้
เครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล ซึ่งคิดเป็น 14% ของการบริโภคน้ำอัดลม เป็นเครื่องดื่มที่ทำอันตรายน้อยกว่า อย่างไรก็ตามเครื่องดื่มเหล่านี้ก็ยังคงมีสภาพเป็นกรด ซึ่งสามารถทำให้เกิดปัญหาได้เช่นกัน
ปริมาณการบริโภคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
การบริโภคน้ำอัดลมในสหรัฐอเมริกาเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างมากในทุกวัย โดยเฉพาะในวัยเด็ก และวัยรุ่น ปัญหานี้รุนแรงมากจนหน่วยงานด้านสุขภาพหลายหน่วยงาน รวมถึงสมาคมกุมารเวชศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา ออกประกาศเตือนถึงพิษภัยของการบริโภคน้ำอัดลม
การบริโภคน้ำอัดลมในสหรัฐอเมริกาเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างมากในทุกวัย โดยเฉพาะในวัยเด็ก และวัยรุ่น ปัญหานี้รุนแรงมากจนหน่วยงานด้านสุขภาพหลายหน่วยงาน รวมถึงสมาคมกุมารเวชศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา ออกประกาศเตือนถึงพิษภัยของการบริโภคน้ำอัดลม
มีเด็กในวัยเรียนจำนวนมากแค่ไหนที่ดื่มน้ำอัดลม ผลการสำรวจพบว่า 1 ใน 2 หรือ 4 ใน 5 ของเด็กบริโภคน้ำอัดลมอย่างน้อย 1 แก้วต่อวัน และมีเด็กอย่างน้อย 1 ใน 5 ที่บริโภคน้ำอัดลมอย่างน้อย 4 แก้วต่อวัน เด็กบางคนบริโภคน้ำอัดลมเป็นปริมาณถึง 12 แก้วต่อวัน ยิ่งขนาดของแก้วใหญ่แค่ไหนปัญหาก็ยิ่งร้ายแรงมากขึ้น จากขนาด 6.5 ออนซ์ในช่วงปี 1950 กลายเป็นขนาดปกติที่ 20 ออนซ์ในช่วงปี 1990 เด็กเล็กและเด็กวัยรุ่นไม่ได้เป็นกลุ่มเดียวที่มีความเสี่ยง
การดื่มน้ำอัดลมเป็นเวลานานจะมีผลสะสมต่อสารเคลือบฟัน ยิ่งมีอายุยาวนานมากขึ้น ยิ่งมีโอกาสเสี่ยงในการเกิดปัญหาในช่องปากได้
ควรจะทำอย่างไรดี
เด็กเล็ก เด็กวัยรุ่น และผู้ใหญ่จะได้ประโยชน์จากการลดปริมาณการบริโภคน้ำอัดลมลง นอกจากนั้นพวกเขายังได้ประโยชน์จากการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากที่ดีอีกด้วย ขั้นตอนต่อไปนี้เป็นวิธีง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้
บริโภคเครื่องดื่มหลายๆ ประเภท: ซื้อเครื่องๆดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลน้อยๆเช่น น้ำเปล่า นม และน้ำผลไม้ 100% ไว้ในตู้เย็น ดื่มเครื่องดื่มเหล่านั้นแทนน้ำอัดลม และส่งเสริมให้ลูกๆ ของคุณดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ด้วย
ล้างปากด้วยน้ำเปล่า: หลังจากดื่มน้ำอัดลมแล้ว ควรบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าเพื่อขจัดสิ่งตกค้างจากน้ำอัดลมที่หากปล่อยทิ้งไว้จะสามารถทำให้สารเคลือบฟันกลายเป็นกรดได้
ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ และใช้น้ำยาบ้วนปาก: ฟลูออไรด์ช่วยป้องกันฟันผุ และทำให้สารเคลือบฟันมีความแข็งแรงมากขึ้น ดังนั้นคุณควรแปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มีส่วนผสมของสารฟลูออไรด์ อย่างเช่น ยาสีฟันคอลเกตโททอล การบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสารฟลูออไรด์ก็สามารถช่วยป้องกันได้เช่นกัน ทันตแพทย์อาจแนะนำน้ำยาบ้วนปากที่มีขายตามเคาเตอร์ทั่วๆไป หรืออาจสั่งจ่ายยาที่มีความแรงมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กบความร้ายแรงของอาการ ทันตแพทย์อาจจะสั่งจ่ายยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ที่เข็มข้มมากกว่าปกติ
เข้ารับการรักษาด้วยฟลูออไรด์แบบมืออาชีพ: ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขลักษณะช่องปากของคุณอาจจะใช้ฟลูออไรด์ในรูปแบบที่เป็นโฟม เจล หรือ น้ำยาบ้วนปากก็ได้
น้ำอัดลมเป็นสิ่งที่เลวร้ายต่อฟันของคุณ แต่คุณก็สามารถที่จะลดผลกระทบของน้ำอัดลม และมีสุขภาพช่องปากที่ดีได้ ด้วยการลดการดื่มน้ำอัดลมลง รักษาสุขภาพช่องปากอย่างถูกวิธี และรับคำแนะนำและการรักษาจากทันตแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญทางสุขลักษณะ
1Harnack L, Stang J, Story M. การบริโภคน้ำอัดลมในสหรัฐอเมริกา ในกลุ่มเด็กเล็กและวัยรุ่น: ผลต่อสารอาหาร. บทความจากสมาคมอาหารแห่งสหรัฐอเมริกา
2Gleason P, Suitor C. อาหารของเด็กเล็กในช่วงปี 1990: ปริมาณการบริโภคอาหาร และความสัมพันธ์ต่อการมีส่วนร่วมในการรับมื้ออาหารที่ทางโรงเรียนจัดหา. Alexandria, VA: กรมเกษตร อาหารและบริการทางสารอาหาร กระทรวงวิเคราะห์และประเมิณสารอาหาร;2001.
3Brimacombe C. ผลกระทบของการบริโภคน้ำอัดลมในปริมาณที่มากต่อการงอกของฟันแท้: กรณีศึกษา.